วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เทศกาลกินเจ 2559 รอบรู้เรื่องการกินเจ

เทศกาลกินเจ 2559 รอบรู้เรื่องการกินเจ

 

เทศกาลกินเจ 2559 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-9 ตุลาคม 2559 

เมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ ไปจนกระทั่งขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 เราจะเห็นธงสีเหลืองมีตัวหนังสือสีแดง ปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไปตามร้านอาหาร 2 ข้างถนน นั่นบ่งบอกให้รู้ว่า เป็นช่วงเวลาของเทศกาลกินเจ

คำว่า "เจ" แห่งภาษาจีนมีเรื่องหมายทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานว่า "อุโบสถ" คำว่า "กินเจ" ตามความหมายถิ่นแท้จริงคือการรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน ดังเช่นที่ชาวพุทธในประเทศไทยถือ "อุโบสถศีล" หรือ "รักษาศีล 8" จะไม่รับประทานอาหารหลังจากเที่ยงวันไปแล้ว แต่เนื่องจากการถืออุโบสถศีล สรรพสิ่งชาวพุทธฝ่ายมหายานไม่กินเนื้อสัตว์ จึงแบบเรียก "การไม่กินเนื้อสัตว์" ไปรวมกันคำว่า "กินเจ" ซึ่งเป็นการถือศีลไปด้วย ในปัจจุบันผู้ที่รับประทานอาหารทั้ง 3 มื้อ แต่ไม่กินเนื้อสัตว์ก็ยังคงเรียกว่า "กินเจ" ฉะนั้นความหมายก็คือ "คนกินเจ" มิใช่เพียงแต่ไม่กินเนื้อสัตว์ แต่คนที่กินเจ ยังต้องดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม มีความบริสุทธิ์สะอาด งดงามทั้งกาย วาจา ใจ เป็นการถือศีลบำเพ็ญธรรมไปด้วยพร้อมกัน เช่นนี้แล้วจึงจะเรียกว่า "กินเจที่แท้จริง" ดังนั้น คำคล้องจองที่เราได้ยินอยู่เสมอ คือ "ถือศีลกินเจ" จึงตรวจนับว่ามีความหมายสมบูรณ์ครบถ้วนถ้วนอยู่ในตัวเองแล้ว

ไล่ตามร้านขาย "อาหารเจ" กูจะพบเห็นตัวอักษร คำนี้อ่าน "ไจ" (เจ) แปลว่า "ไม่มีสิ่งของคาว"เขียนด้วยสีแดงบนพื้นสีเหลืองเสมอ ในช่วงเทศกาลกินเจเดือน 9 จะสังเกตตัวอักษรนี้เขียนบนธงสีเหลือง ปักอยู่ตามแผงขายอาหารเจลอบมองเห็นเป็นที่สะดุดตาแก่คนทั่วไป ชาวจีนถือว่าสีแดงเป็นสีแห่งสิริมงคลแก่ชีวิต สีเหลืองเป็นสีของผู้ทรงศีล ดังนั้นผู้ตั้งใจถือศีลบำเพ็ญตนให้บริสุทธิ์ ตัวอักษรนี้ย่อมเป็นเครื่องหมายเตือนสติให้ระลึกไว้เสอมว่า "การกินเจงดเว้นเนื้อสัตว์สิ่งคาวคือ การปฏิบัติธรรม รักษาศีลของความเป็นมนุษย์ เป็นการเจริญมหาเมตตากรุณาธรรมโดยแท้ อันจะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และก่อให้เกิดสันติสุขแก่ทุกชีวิตบนโลก"

ที่มาของเทศกาลกินเจ

เทศกาลเจ เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีมาแล้ว ตามตำนานเล่าว่า เกิดมาในสมัยที่ชาวจีนถูกรุกรานโดยชนชาติแมนจู ซึ่งเข้าปกครองประเทศจีน และบังคับให้ชนชาติจีนยอมรับวัฒนธรรมของตน อาทิ การไว้ทรงผมเยี่ยงแมนจู คือ โกนศีรษะโล้นทางด้านหน้าและไว้ผมยาวทางด้านหลัง ซึ่งหลายคนคงจะชินตาในภาพยนตร์จีนที่นำมาฉายทางทีวี

ในสมัยนั้น มีคนจีนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันต่อต้านชาวแมนจู โดยใช้หลักทางธรรมเข้ามาร่วมด้วย ชาวจีนกลุ่มนี้ นุ่งขาว ห่มขาวและไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ซึ่งมีความเชื่อว่า การประพฤติปฏิบัติตามแนวทางนี้จะช่วยสร้างความเข้มแข็ง ให้กับกลุ่มของตนจนสามารถต้านทานชาวแมนจูได้ คนกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า "หงี่หั่วท้วง" ซึ่งแม้จะได้ต่อสู้อย่างอาจหาญ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถต้านทานการรุกรานของชาวแมนจูได้

เมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ชาวจีนที่ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของชาวแมนจู จึงพากันถือศีลกินเจ เพื่อรำลึกถึงเหล่านักสู้ "หงี่หั่วท้วง" ที่ได้ต่อสู้พลีชีพในครั้งนั้น

ความเชื่อถืออีกกระแสหนึ่งของตำนานการกินเจนั้น เชื่อกันว่าเป็นการสักการะพระพุทธเจ้าในอดีต 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า ดาวนพเคราะห์ทั้ง 9 ในพิธีกรรมนี้ สาธุชนจึงงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต หันมาบำเพ็ญศีล โดยการตั้งปณิธานในการกินเจ งดเว้นอาหารคาว เพื่อเป็นการสมาทานศีล 2 ประการ คือ

  1. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์มาบำรุงชีวิตของตน 
  2. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์มาเพิ่มเลือดของตน 
  3. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์มาเพิ่มเนื้อของตน

สำหรับเมืองไทยความเชื่อเรื่องการกินเจ เป็นไปในแนวทางของการละเว้นการเอาชีวิตของสัตว์ เพื่อเป็นสักการะบูชาแก่ พระพุทธเจ้า และมหาโพธิสัตว์กวนอิม อาจเนื่องจากการแพร่หลายของกการละเว้นการกินเนื้อวัว ในกลุ่มคนที่นับถือ "เจ้าแม่กวนอิม" การกินเจ จึงเป็นอีกหนึ่งพิธีกรรมเพื่อสักการะ

ความหมายของธงเจ

อักษรแดง บนพื้นเหลือง เขียนว่า "ไจ" หรือ "เจ" มีความหมายว่า "ของไม่มีคาว" สีแดงเป็นตัวแทนของความเป็นสิริมงคลในชีวิต ส่วนสีเหลืองเป็นสีของพุทธศาสนา หรือผู้ทรงศีล ธงเจนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของอาหารเจแล้ว ยังเป็นการเตือนให้พุทธศาสนิกชนที่ปฏิบัติตน "ถือศีล-กินเจ" ได้ตระหนักถึงการไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์และการตั้งอยู่ในศีลตลอดช่วงระยะเวลา 9 วัน 9 คืน

การปฏิบัติตัวในช่วงเทศกาลกินเจ

เมื่อตั้งมั่นที่จะปฏิบัติศีลและกินเจ ในช่วงเทศกาลกินเจ 9 วัน 9 คืนนี้แล้ว ก็ควรจะศึกษาข้อห้ามต่างๆ ที่บัญญัติไว้เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตัว โดยทั่วไปแล้วจะมีข้อปฏิบัติดังนี้

  • งดเว้นเนื้อสัตว์ หรือทำอันตรายต่อสัตว์ 
  • งด นม เนย หรือน้ำมันที่มาจากสัตว์ 
  • งดอาหารรสจัด หมายถึง อาหารรสเผ็ดมาก เค็มมาก หวานมาก เปรี้ยวมาก 
  • งดผักกลิ่นฉุน 5 ชนิด คือ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุยช่าย ใบยาสูบ รวมทั้งเครื่องเทศที่มีกลิ่นฉุน 
  • รักษาศีล 5 
  • รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ รักษาอารมณ์ให้คงที่ 
  • ทำบุญ ทำทาน บางคนที่เคร่งอาจนุ่งขาว ห่มขาว

สำหรับคนที่กินเจอย่างเคร่งครัด นอกจากจะ "ถือศีล-กินเจ" แล้วยังต้องเลือกผู้ปรุงอาหารเจที่กินเจด้วย เพื่อให้ "อาหารเจ" นั้นบริสุทธิ์จริงๆ บางคนจะมีการคัดแยกภาชนะที่บรรจุอาหารหรือใช้ปรุงอาหาร แยกจากที่ใช้ใส่อาหารที่มีเนื้อสัตว์อย่างเด็ดขาด และในบางแห่งอาจพบว่ามีการจุดตะเกียงเก้าดวง ไว้เป็นเวลา 9 วันตลอดระยะเวลาการกินเจ เพื่อเป็นการรำลึกถึงบุญคุณพ่อแม่ญาติพี่น้อง และเพื่อเป็นพุทธบูชา

อาหารเจ

ปัจจุบันมีการยอมรับกันโดยทั่วไปถึงคุณค่าของ "อาหารเจ" เนื่องจากการรับประทานพืชผักในปริมาณที่มากกว่าปกติ งดเว้นเนื้อสัตว์ ทำให้กระเพาะได้พักจากภารกิจการย่อยเนื้อสัตว์ที่ทำประจำอยู่ และได้รับวิตามินเข้าไปเสริมสร้าง ซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอ รวมทั้งได้โปรตีนจากถั่วชนิดต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากโปรตีนที่เราได้รับจากเนื้อสัตว์ ช่วงเวลานี้จึงถือเป็นช่วงที่ร่างกายได้พักผ่อนจากการรับสารอาหารย่อยยากจากแหล่งอาหารต่างๆ รวมทั้งยังได้รับพลังใจจากการที่ปฏิบัติตัวอยู่ในศีล ทำให้จิตใจอิ่มเอิบ เบาสบาย

หลายคนคิดว่า การรับประทานแต่อาหารเจจะทำให้เกิดโรคขาดอาหาร รวมหมดที่สาเหตุสำคัญของการเกิดโรคขาดอาหารนั้น มาจากการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกหลัก ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้ที่กินเนื้อสัตว์พร้อมด้วยกินเจ ซึ่งมีนิสัยการบริโภคที่ไม่คำนึงถึงคุณค่าของสารอาหารที่ได้รับ

สามัญชนที่กินเจอย่างถูกหลักก็จักได้รับอาหารที่มีคุณค่า มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ การประกอบอาหารเจเพราะว่ารับประทานในช่วงนี้ จึ่งสามารถเลือกอาหารพวก ข้าวกล้อง (ใช้แทนข้าวขาว) โปรตีนเกษตร (แทนเนื้อสัตว์) ผักสด เห็ดหอม ถั่วนานาพันธุ์ เต้าหู้ แป้งหมี่กึง ทดแทน และผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนซึ่งกันและกันทำเป็นอาหารชนิดปะปนกัน

        

แนะนำตำราทำอาหารเจ

อานิสงส์ของการกินเจ ประเพณีกินเจข้าวของเครื่องใช้ชาวจีน ก่อให้เกิดประโยชน์หลายด้านด้วยซึ่งกันและกันคือ

ด้านศีลธรรม ผุ้กินเจจะปฏิบัตตนอยู่ในศีลธรรมอันดี มีความเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่เบียดเบียนผู้อื่นตวงเป็นบุญกุศลใหญ่หลวง
ด้านสุขภาพกาย ผู้กินเจจะมีสุขภาพกายดีเพราะไม่ดื่มของมึนเมา และไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ชุมนุมกันทั้งอาหารประเภทไขมันสูง ทำให้ลดภาวะไขมันในเส้นเลือด ซึ่งมีอันตรายต่อชีวิต นอกจากนี้อาหารลูกจากเนื้อสัตว์มักมีเชื้อโรคปะปน เสี่ยงต่อการเป็นโรคภัย ผุ้กินเจเป็นประจำจึมีอายุยืนนาน
ด้านสุขภาพจิต ผู้กินเจจะมีสุขภาพจิตที่ดี เพราะผลจากการปฏิบัติธรรมที่ไม่คิดเบียดเบียนผู้อื่น ให้อภัยซึ่งกันและกัน และมีความเมตตาต่อกันทำให้จิตบริสุทธิ์แจ่มใสตลอดเวลา
ด้านเศรษฐกิจ ผู้กินเจสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายณชีวิตประจำวัน ก็เพราะว่าผักมักจะราคามิแพงเหมือนเนื้อสัตว์ทั่วๆไป
ด้านสังคม ผู้กินเจจะประกอบด้วยความสามัคคีกัน เกิดการร่วมมือ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ด้านการเมือง เนื่องจากการกินเจ หรืออาหารจากพืชผัก ไม่มีกรกำหนดทางเชื้อชาติศาสนา จึงมีผู้เข้าร่วมพิธีกรรมอย่างมากมาย ประกอบกับปลูกฝังส่งให้ผุ้เข้าร่วมพิธีมีควมสามัคคีจึงไม่ก่อห้เกิดข้อคดีขัดแย้งระหว่างชุมชนบ้านเมืองสงบร่มเย็น ประชาชนอยู่กันอย่างประหยัด ภาวะเศรษฐกิจก็จะดีขึ้นส่งผลส่งมอบรัฐบาลมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นด้วย

เจกับมังสวิรัติ ต่างกันอย่างไร

อาหารมังสวิรัติ คือ อาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบเช่นเดียวกับอาหารเจ แต่หากเป็นมังสวิรัตินั้น สามารถนำผักทุกชนิดมาประกอบอาหารได้ แต่อาหารเจ ต้องงดเว้นผักฉุน 5 ประเภท (ดังที่กล่าวมาแล้ว) รวมทั้งของเสพติดทุกชนิด และยังคงต้องประพฤติศีลร่วมด้วย จึงจะเป็นการ ถือศีล-กินเจ ที่แท้จริง ในขณะที่มังสวิรัติ หมายรวมถึงการไม่รับประทานเนื้อสัตว์เท่านั้น

การกินเจ นอกจากจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของการสร้างบุญกุศลด้วยการละ เลิก เพื่อชีวิตแล้ว ในแง่ของสุขภาพร่างกายก็พลอยได้รับประโยชน์ร่วมด้วย เพราะถือเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ร่างกายมีโอกาสพักผ่อน จากการย่อยอาหารประเภทที่ย่อยยากทั้งหลาย

กิน "เจ" ที่ภูเก็ต

"เจ" ที่ภูเก็ตมาจากรากฐานความเชื่อเดียวกัน คนจีนเรียก "เจเดือนเก้า" แต่ถ้านับตรงกับเดือนไทยก็จะได้ตรงกับเดือน 11 เทศกาลกินเจที่ภูเก็ตจึงมีขึ้นหลังเทศกาลกินเจทั่วๆ ไป บางครั้งเราจึงมักได้ยินเชื่อเรียกของเทศกาลกินเจที่ภูเก็ต ว่าเป็นเทศกาลกินผัก ซึ่งแท้จริงแล้วก็คือการกินเจในรูปแบบและระยะเวลา 9 วันเช่นเดียวกัน

ความเชื่อเกี่ยวกับการกินเจที่ชาวภูเก็ตเล่าสืบต่อกันมาว่า มีคณะงิ้วจากเมืองจีนมาเปิดการแสดงที่กะทู้ แล้วบังเอิญเกิดโรคระบาด คณะงิ้วจึงจัดให้มีพิธีกินเจ และสร้างศาลเจ้าขึ้น ปรากฏว่าโรคระบาดก็หายไปสิ้น ชาวบ้านเกิดความเลื่อมใสจึงปฏิบัติตาม นับเนื่องจากนั้นมีผู้ศรัทธามากขึ้นเรื่อยๆ ชาวกระทู้จึงอยากให้พิธี "กินเจ" ของตนสมบูรณ์แบบ ตามแบบพิธีในมณฑลกังไส จึงได้ส่งตัวแทนไปนำเอาควันธูปกลับมา โดยการตั้งมั่นที่แรงกล้า เพราะพิธีการนำควันธูปกลับมานั้น ต้องจุดธูปต่อกันมิให้มอดดับได้ ศาลเจ้ากระทู้จึงเป็นศูนย์กลางของเทศกาลการกินเจที่ภูเก็ตเรื่อยมา จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ

9 วันแห่งพิธีกรรมของการกินเจที่ภูเก็ต

ตอนบ่ายก่อนวันเริ่มกินผัก จะมีพิธียกเสา "โกเด้ง" ขึ้นที่หน้าศาลเจ้า หรืออ๊าม เพื่อใช้เป็นที่แขวนตะเกียงทั้ง 9 ดวง และอัญเชิญดวงวิญญาณสิ่งของยกอ๋องฮ่องเต้ หรือ พระอิศวร และ กิวอ๋องไตเต หรือ ราชาผู้เป็นใหญ่ทั้งเก้า ในตอนกลางคืนเพื่อมาประดิษฐาน ณ ศาลเจ้าหรือ อ๊าม

เช้าวันรุ่งขึ้นมีการจุดธูปขนาดใหญ่ ติดตั้งเครื่องเซ่นและเผาไม้หอม เพื่อบูชาเจ้าประจำอ๊าม

หลังพิธีการกินเจ หรือชาวภูเก็ตเรียก "การกินผัก" ผ่านไป 3 วัน จะคีบว่าตัวเองมีความสะอาดแล้ว หรือเรียกว่า "เช้ง" (清)ในตอนค่ำมีพิธีการอันเชิญเทพเจ้าอีก 2 องค์ คือ "ลำเต้า" เจ้าผู้ถือบัญชีคนเกิด และ "ปักเต้า" เจ้าผู้ถือบัญชีคนตาย และทำพิธี "ปั้งกุ้น" หรือพิธีปล่อยพระ หรือการจัดทหารของเจ้าไปรักษาศาลเจ้าทั้ง 5 ทิศ เหตุด้วยป้องกันสิ่งชั่วร้าย และภูตผีมาทำลายพิธี คดีสนุกสนานเริ่มขึ้นตรงนี้ ขณะการเชิญทหารเต็มไปด้วยร่างทรงของตัวละคร อาทิ เห้งเจีย บู๊สง สดต้น

ในวันที่เจ็ด เริ่มพิธี บูชาดาว เพื่อขอความเป็นสิริมงคล รักษาโรคภัยไข้เจ็บ

สองวันสุดท้าย เป็นความตื่นเต้นท้าทาย เมื่อมีการจัดขบวนพิธีแห่เหมือนมโหฬาร เพื่อนำเกี้ยวไปรับพระจำหลักที่สะพานหิน เป็นการระถึงวันที่ควันธูปจากมณฑลกังไสมาถึงภูเก็ต ในขบวนแห่จะมีการแสดงอิทธิฤทธิ์ข้าวของเครื่องใช้ม้าทรง หรือ คนทรงเจ้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย จะเห็นภาพของการใช้ของมีคมต่างๆ ทิ่มแทงตามร่างกาย มีทั้งง้าว ลูกตุ้มเหล็กฟาดหน้าฟาดหลัง เอาขวานจามหลัง หรือเอาเหล็กแหลมทิ่มแทงร่างกาย หรือแทงลิ้น จนกระทั่งเฉือนลิ้นตัวเองออกมา โดยท้าทรงเหล่านั้นอ้างว่าไม่มีความเจ็บปวดใดๆ ขณะเป็นร่างทรง ม้าทรงจะเดินเต้น ไปทั่วเมือง ชาวบ้านจะตั้งโต๊ะเครื่องเซ่นไหว้เพื่อให้เจ้าไปโปรดและมีการจุดประทัดตลอดเส้นทาง ทั้งเกาะปกคลุมด้วยควันธูปและประทัด

วันย่านเก้า จะมีพิธีศักดิ์สิทธิ์ คือ พิธี "โก๊ยโห้ย" ใช่ไหมพิธีลุยไฟสะเดาะเคราะห์ ม้าทรง หรือไม่เจ้าจะเดินผ่านกองไฟ ที่มีถ่ายร้อนแดงเป็นระยะทางกว่า 2 ฟุต และตามด้วยผู้ที่ถือศีลกินเจที่มีเหตุมั่นใจว่าตัวเองสะอาดแล้ว ก็สามารถร่วมลุยไฟได้ด้วยเช่นกัน ในตอนกลางคืนจะมีพิธีปีนบันไดมีด สูงประมาณ 12 เมตร และจบลงที่ยามดึกของคืนวันที่ 9 จะมีการแห่พระไปส่งทะเลบริเวณสะพานหิน และนำเสาโกเต้งลงดับโคมไฟทั้ง 9 เป็นเสร็จพิธีกินเจที่ภูเก็ต

กินเจ ที่ภูเก็ต ออกไปในแนวสนุกสนาน ตื่นเต้น ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ ซึ่งพิสูจน์ไม่ได้ แต่หลายคนที่ไปดูด้วยตาตนเอง ยังพกความตื่นตาตื่นใจ เป็นประสบการณ์มาถึงปัจจุบัน และเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมการกินเจอีกรูปแบบหนึ่ง

รอบรู้เรื่องการกินเจ

Image result for กินเจ site:sanook.com

ถ้าจะกินเจ ต้องห้ามกินอะไรบ้าง

อีกไม่กี่สัปดาห์เทศกาลกินเจก็ใกล้จะเข้ามาถึงแล้ว บางคนอาจจะถือศีลกินเจมาอย่างต่อเนื่องทุกปี แต่สำหรับคนที่เพิ่งจะตัดสินใจเริ่มในปีนี้ก็ต้องขอบอกเอาไว้ก่อนว่า การกินเจก็คือการกินผัก กินอาหารที่เป็นชีวะจิต งดเว้นการรับประทานเนื้อสัตว์ทุกประเภท รวมถึงการถือศีลอย่างเคร่งครัด รวมถึงมีวิธีและข้อห้ามที่ชัดเจนที่เราควรระลึกได้อยู่เสมอ อย่างการกินผัก ก็ไม่ใช่ว่าเราจะสามารถกินผักได้ทุกประเภทนะ

อ่านเพิ่มเติม: http://horoscope.sanook.com/70961/

Image result for กินเจ site:sanook.com

กินเจอย่างไร ให้ได้บุญสูงสุด

การถือศีลกินเจนับได้ว่าเป็นการทำบุญรูปแบบหนึ่งที่ชาวไทยเชื้อสายจีนนิยมปฏิบัติกันเป็นประจำทุกปี หรือแม้แต่ช่วงหลังๆ นี้ ชาวไทยแท้ๆ เองก็หันมากินเจกับเขาบ้าง เพื่อเป็นการชำระล้างจิตใจให้สะอาด บริสุทธิ์ อีกทั้งยังเป็นการดูแลตัวเองรูปแบบหนึ่ง เคยสงสัยกันรึเปล่าว่ากินเจยังไงให้ได้บุญมากที่สุดล่ะ ? เช่นกัน เคยได้ยินคำพังเพยว่า “ตักบาตรอย่าถามพระ” รึเปล่า ?

อ่านเพิ่มเติม: http://horoscope.sanook.com/89125/

จริงหรือไม่? กินเจห้ามออกกำลังกาย

ออกกำลังกาย ในช่วงกินเจ ได้หรือไม่

การกินเจก็เปรียบเสมือพร้อมกับการรับประทานอาหารปกติ ผู้ที่ถือศีลกินเจอาจออกกำลังกายได้ยินยอมปกติ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าสำหรับคุณหนุ่มๆ สาวๆ ที่รักการออกกำลังกาย หรืออยากสร้างกันเป็นจริงเป็นขนาดนั้น อยากให้ลดระดับความเข้มลงมาเสียหน่อย อาจะดำรงฐานะการออกกำลังกายปกติที่ไม่หนักมาก หากรับประทานอาหารประเภทโปรตีนไม่มากพอ งานสร้างกล้ามเนื้อก็จะไม่เป็นอย่างที่เคย เผลอๆ อาจทำให้ร่างกายมีอาการอ่อนเพลียคว้าง่ายอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม: http://health.sanook.com/1565/

กินเจอย่างไรไม่ให้อ้วน และไม่ขาดสารอาหาร

ทานเจอย่างไร ให้อ้วนน้อยที่สุด

การกินเจก็เปรียบเสมือพร้อมการรับประทานอาหารปกติ ผู้ที่ถือศีลกินเจทำเป็นออกกำลังกายได้ติดสอยห้อยตามปกติ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าเพราะด้วยคุณหนุ่มๆ สาวๆ ที่รักการออกกำลังกาย หรืออยากสร้างกันเป็นจริงเป็นขนาดนั้น อยากให้ลดระดับความเข้มลงมาเสียหน่อย อาจะคือการออกกำลังกายปกติที่ไม่หนักมาก หากรับประทานอาหารประเภทโปรตีนไม่มากพอ งานสร้างกล้ามเนื้อก็จะไม่เป็นอย่างที่เคย เผลอๆ อาจทำให้ร่างกายมีอาการอ่อนเพลียได้มาง่ายอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม: http://health.sanook.com/1465/

มาดูการกินเจตามดวง กินตามราศี

บางครั้งการกินเจถึงขนาดที่จะมีการงดละลดอาหารประเภทต่างๆ แต่เราก็ไม่จงที่จะเลือกรับประทานอาหารทุกอย่าง นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายของคนเราไม่เหมือนกัน ระบบการทำงานต่างๆ ก็ยังแตกต่างกันมาก การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับเรามากที่สุดก็จะเป็นผลดีต่อร่างกายทีเดียว แนะนำว่าให้เลือกรับประทานอาหารตามราศีดู ไม่ได้แปลว่าทานเข้าไปแล้วจะช่วยให้ดวงดี แต่การกินเจตามดวงตามราศีนั้นผ่านการคิดมาแล้วว่าร่างกายของคนแต่ละราศีเป็นวิธาไร

อ่านเพิ่มเติม: http://horoscope.sanook.com/89865/

ขอบคุณข้อมูลจาก: elib-online.com, board.bodinzone.com

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ข่าววันนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น